การขาดเอนไซม์ย่อยอาหารอาจจะมีได้หลายสาเหตุ แต่การขาดเอนไซม์เนื่องจากอายุมากขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หนุ่มสาวอายุ 21-31ปี จะมีเอนไซม์โมเสสในน้ำลายมากกว่ากลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุ 69-100 ปีถึง 30 เท่า ฉะนั้นอายุมากขึ้น เอนไซม์ผลิตน้อยลงมากแต่ความต้องการการใช้ก็ยังคงอยู่ในระดับเดิม
ดร.ดิคซี
อธิบายว่า ดูได้ง่ายๆ เริ่มจากดูที่อายุ ถ้าอายุน้อยหน่อย ร่างกายก็ยัง
สามารถสร้างเอนไซม์ได้ดีพอสมควร แต่พออายุมากขึ้น 25 ปีขึ้นไป
ถ้าได้รับอาหารดิบหรืออาหารสดไม่พอเพียงที่จะเอาช่วยย่อยอาหารแล้วหล่ะก็
เท่ากับยิ่งเร่งตัวเองให้แก่เร็วขึ้น ร่างกายเสื่อมเร็วขึ้น
เนื่องจากทุกกิจกรรมและกระบวนการต่างๆ
ในการทำงานของร่างกายจำเป็นต้องอาศัยเอนไซม์มาช่วย
การทดแทนเอนไซม์ที่หดหายไปกับความเสื่อมตามวัยจะทำให้สมดุลของเอนไซม์ถูกเสริมให้ดีขึ้น
ซึ่งจะมีผลช่วยในการต่อสู้โรคภัยไข้เจ็บ และทำให้สุขภาพดีขึ้น
ในคนไข้เบาหวานเห็นได้ชัด ถ้าตับอ่อนต้องไปสร้างเอนไซม์ในการย่อยอาหาร
ความสามารถในการสร้างอินซูลินก็ต่ำลง ดังนั้นคนที่เป็นเบาหวานควรกินอาหารดิบมากๆ
คนเราต้องได้อาหารดิบในสัดส่วน 50% ของอาหารทั้งหมดที่กินเข้าไป
คนที่เป็นโรคต่อไปนี้แสดงว่าตัวเองพร่องเอนไซม์แล้ว
เบาหวาน เพราะตับอ่อนอ่อนล้า คนที่เป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินอาหารทั้งหมด เช่น
อาหารไม่ย่อย ท้องผูกสลับท้องเสีย เพราะเซลล์ต่างๆ อ่อนล้าในการสร้างน้ำย่อย
โรคภูมิแพ้ต่างๆ เพราะระบบย่อยอาหารทำงานไม่ดี
โมเลกุลของอาหารพลัดหลงเข้าไปในกระแสเลือดเป็นโมเลกุลใหญ่ๆ
ร่างกายก็สร้างภูมิต้านทานไปสร้างโมเลกุลนั้น ทำให้เกิดคัดจมูก ผื่นขึ้นตามตัว
เกิดเป็นภูมิแพ้ SLE
รูมาตอยด์ สะเก็ดเงิน โรคเกาต์ โรคผิวหนัง ผู้ที่แก่ก่อนวัย มะเร็ง
หัวใจ และอีกหลายต่อหลายโรค
และคนที่อ้วนมีไขมันพอกตามร่างกายมากที่เรียกว่าเซลลูไลต์
เกิดขึ้นเพราะร่างกายขาดเอนไซม์ไลเปส
ถ้าคุณขยันกินผักผลไม้สดหลากหลายก็จะได้เอนไซม์หลากหลายเข้ามา
เอนไซม์เหล่านั้นก็จะช่วยสลายเซลลูไลต์ได้ด้วย
การขาดแคลนเมื่ออายุมากขึ้นจึงเป็นสิ่งที่ทุกคนหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่เราสามารถหามาทดแทนได้โดยการรับประทานเอนไซม์เพิ่มเติมไปโดยตรง
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม
คลิก

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น